พื้นฐานทางสิ่งแวดล้อมและ
การจัดการทรัพยากร
ควาหมายและขอบเขตของ
การศึกษาสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาแนวความคิดเกี่ยวกับ
สิ่งแวดล้อมของมนุษย์
แนวทางและหลักการพัฒนา
ทางสิ่งแวดล้อม
องค์ประกอบที่สำคัญของ
การพัฒนาที่ยั่งยืน
หลักการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมกับ
คุณภาพชีวิต
 
กระบวนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
- ลำดับขั้นของกระบวนการ
การศึกษานอกสถานที่
การใช้สื่อต่าง ๆ
การจัดกิจกรรมพิเศษ
การจัดโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การสำรวจ วิเคราะห์ และทำรายงาน
ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน
ตัวอย่างการใช้และการจัดการ
สิ่งแวดล้อมในประเทศ
ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับ
สิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
 
 
   
   
   
   
   

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

   
   
   
 
   
   
   
 

               นับเวลาถึง 4,500 ล้านปี ที่โลกของเรากำเนิดขึ้นมาเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะจักรวาล ที่พบว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ แต่นั่น หมายถึงว่าโลกต้องใช้เวลาในการสั่งสมวิวัฒนาการอีกไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านปี กว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์แสงได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ คือ การกำเนิดของสาหร่ายสีเขียวแกม น้ำเงิน หรือ ไซยาโนแบคทีเรีย (Cyanobacteria) ที่รู้จักกันในชื่อซากโบราณ สโตรมาโตไลท์ (Stromatolites) ในมหาสมุทร

               วิวัฒนาการเหล่านี้คงดำเนินเรื่อยมาภายใต้บรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตมากขึ้น โดยมีกลุ่มพืชเป็นตัวนำ และมีวิวัฒนาการของสัตว์ตามมาจากสัตว์เซลล์เดียวและสัตว์หลายเซลกลุ่มแรกๆ จนถึงสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์มีกระดูกสันหลังในน้ำ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในปัจจุบัน

               หลักฐานความเป็นมาเหล่านี้อาจพบได้จากซากดึกดำบรรพ์ต่างๆ หรือฟอสซิล ของทั้งพืชและสัตว์ที่สามารถ
ทดสอบและคาดคะเนถึงอายุตลอดจนความเป็นมาที่ปะติดปะต่อเป็นเรื่องราว ที่มีหลักฐานยืนยันได้ในทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เช่นกันที่ผูกติดกับความเป็นมาของธรณีวิทยาของโลกอย่างแนบแน่น อาจกล่าวได้ว่า โลกได้ช่วยกัน
ซึมซับเรื่องราวความเป็นมาจากอดีตสู่ปัจจุบันไว้ในสิ่งที่เรียกว่า ธรรมชาติ มีมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ รวมทั้งพืชและ
สัตว์อื่นๆ ซึ่งแพร่กระจายอยู่ในส่วนต่างๆของโลก โดยมีระบบนิเวศอันแตกต่างก่อให้เกิดความหลากหลาย ทางชีวภาพ
ทั้งในแง่ของพันธุกรรมและในแง่ของสายพันธุ์และชนิดที่แตกต่างอย่างมากมาย

               ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่ถือได้ว่าอยู่ในแถบสีเขียวของโลก คือ บริเวณศูนย์สูตรซึ่งมี
ภูมิอากาศแบบร้อนชื้นเหมาะกับการอยู่อาศัยของพืชและสัตว์ต่างๆ เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอยู่ในบริเวณเขตรอยต่อทาง
วนภูมิศาสตร์ถึง 3 เขตติดต่อกัน คือ เขตอินโด-พม่า เขตอินโดจีนและเขตมาเลเซีย จึงทำให้เป็นประเทศหนึ่งในโลก
ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงโดยมีความแตกต่างกันของระบบนิเวศหลายอย่างทั้งป่าไม้ผลัดใบเช่น ป่าเบญจพรรณ
ป่าเต็งรัง และป่าไม้ไม่ผลัดใบ เช่น ป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบเขา ป่าสน ป่าพรุ ป่าบุ่ง ป่าทาม ป่าชายหาด ป่าชายเลน เป็นต้น อีกทั้งยังมีทุ่งหญ้าเขตร้อนและสังคมพืชแบบจำเพาะ อาทิ สังคมพืชกึ่งอับไพน์บนยอดเขาสูง อย่างเช่น ดอยเชียงดาว เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศไทยก็ยังมีชายฝั่งทะเลทั้งสองด้านคือ ทะเลอ่าวไทยทางตะวันออก และทะเลอันดามัน ทางตะวันตก โดยอ่าวไทยเป็นเขตทะเลน้ำตื้นมีลักษณะเป็นทะเลปิด ส่วนทะเลอันดามันเป็นทะเลเปิดติดต่อกับมหาสมุทรอินเดีย
ทำให้ทั้งสองฟากมีความแตกต่างกันทางระบบนิเวศอย่างเห็นได้ชัด

              ในความหลากหลายของระบบนิเวศของประเทศไทยนี้เอง  ที่ยังผลให้ประเทศไทยมีพันธุ์พืชที่ค้นพบแล้วไม่น้อยกว่า 20,000 ชนิด จากจำนวน 248,000 ชนิด และมีพันธุ์สัตว์ถึง 12,000 ชนิด จากจำนวน 1.5 ล้านชนิดที่ศึกษาพบในโลก
มีผู้ประมาณการว่าน่าจะมีสัตว์ทั้งสิ้นถึง 100,000 ชนิดในประเทศไทย หากมีการศึกษากันอย่างจริงจังและมีพันธุ์พืช
อีกนับไม่ถ้วนที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับประเทศในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาวแล้วก็พบว่า ประเทศไทย
นั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงกว่าประเทศเหล่านั้นเป็นอันมาก

               อย่างไรก็ตามในทุกวันนี้มีความน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งว่า ทรัพยากรชีวภาพที่ประเทศไทยมีอยู่มากมายประเทศ
หนึ่งในโลกนั้น กำลังถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ อันเป็นผลจากการเร่งพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม  
การตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบสัมปทานที่ถูกต้องตามกฎหมายและจากการบุกทำลายป่า ตั้งแต่สมัย
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา แม้จนกระทั่งปัจจุบันทำให้เราสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ไปอย่างมากมายจาก 50-60 ปอร์เซ็นต์ของเนื้อที่ประเทศไทยเหลือเพียงราวไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน หรือเพียง 63,359,930 ไร่ ซึ่ง เป็นเพียงตัวเลขของสูญเสียเนื้อที่ป่าไม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนทรัพยากรชีวภาพอื่นๆ ไม่มีใครทราบว่าได้เกิดความสูญเสีย
ไปมากมายเท่าใดแล้ว เพื่อแลกกับการพัฒนาทางด้านวัตถุนิยมในปัจจุบัน

               ทรัพยากรชีวภาพที่มีคุณค่าของประเทศไทยจะดำรงอยู่หรือสูญสิ้นไปช้าหรือเร็วเพียงใด กลไกการอยู่รอด
ของมนุษย์ที่ไม่อาจแยกไปจากธรรมชาติจะมีทิศทางไปในทางใด และมนุษย์จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนได้หรือไม่
ทุกคำตอบคงต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์เองว่ามนุษย์จะรักษานิเวศธรรมชาติ ที่อาศัยการวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานนับพันล้านปีนี้ หรือจะเลือกการทำลายซึ่งจะส่งผลกระทบให้กับมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

               แนวคิดทฤษฎี หลักการทางวิทยาศาสตร์ และความจริงในธรรมชาติ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสสาร และพลังงาน
ในระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติในระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และ
ทรัพยากรธรรมชาติในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึง
ความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน และอนาคตโดยการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน

                     1. วิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่มุ่งอธิบายปรากฏการณ์ความจริงของธรรมชาติผ่านกระบวนการ
                         ทดลองหาหลักฐานเชิงประจักษ์  มีผลต่อการควบคุมและประยุกต์ต่อการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อมนุษยชาติ
                     2. คุณค่าของวิทยาศาสตร์มีต่อการเพิ่มค่าทางเศรษฐกิจ การค้นหาความจริง และเพิ่มค่าทางปัญญา
                        (Eonomic Values, Truth Searching Values, Wisdom Values)
                     3. วิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่สัมพันธ์กันระหว่างวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Science) สังคมศาสตร์
                         แพทย์ศาสตร์ (Medical Science) และเศรษฐศาสตร์
                     4. เป้าประสงค์สูงสุดของวิทยาศาสตร์ คือ นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้จาก วิทยาศาสตร์
                          มาใช้เพื่อความผาสุกและการมีชีวิตที่มีคุณภาพของมนุษย์ การวางนโยบายและการตัดสินใจใน
                         ยุทธศาสตร์ของประเทศ ควรมุ่งส่งเสริมการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ การประยุกต์วิทยาศาสตร์
                         เพื่อสังคมที่พัฒนาอย่างยั่งยืน
                    5. การวางนโยบายของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ควรมีเป้าประสงค์ไปที่พัฒนาความสามารถ
                        (Capacity Building) ของมนุษย์ สังคม และสถาบันต่าง ๆ 

                        ในการมีพื้นฐานความรู้ ความคิด กระบวนวิธีการ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ให้ส่งผลต่อการเพิ่มกำลังการผลิต และส่งผลต่อการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ


สิ่งแวดล้อมกับคุณภาพชีวิต
             ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มนุษย์ได้ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็วในการดำรงชีวิต การใช้ทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นไปอย่าง รวดเร็วซึ่งก่อให้เกิด
ผลกระทบต่อตนเองและสิ่งแวดล้อมทั้งระยะสั้นและระยะยาว สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ทั้งสิ้น
นักเรียนจะเห็นว่าการพัฒนาชีวิตให้มีคุณภาพเป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยง่ายและควรที่ทุกคนจะเลือกทำให้ดีที่สุด
บุคคลที่มีชีวิตที่มีคุณภาพย่อมสามารถสร้างสรรค์ความคิดที่เหมาะที่ควร อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่เหมาะสม ทั้งของตนเอง
ครอบครัว และประเทศชาติ