หน่วยที่ 5 การประเมินผลกระทบระบบสิ่งแวดล้อม
5.2.4
การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
..... ....ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้กำหนดประเภทและขนาดของโครงการ
หรือกิจการของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
มีดังนี้
.........1. เขื่อนกักเก็บน้ำหรืออ่างเก็บน้ำ
ที่มีปริมาตรเก็บกักน้ำตั้งแต่ 100,000,000 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป หรือมี
ีพื้นที่เก็บกักน้ำตั้งแต่ 15 ตารางกิโลเมตรขึ้นไป
.........2. การชลประทาน ที่มีพื้นที่ชลประทานตั้งแต่
80,000 ไร่ ขึ้นไป
.........3. สนามบินพาณิชย์ ทุกขนาด
.........4.โรงแรมหรือสถานที่พักตากอากาศที่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งทะเลทะเลสาบหรือชายหาด
หรือที่อยู่ใกล้กับอุทยาน แห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ที่มี จำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้อง ขึ้นไป
.........5. ระบบการทางพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษ
หรือโครงการที่มีลักษณะเช่นเดียวกับ การทาง พิเศษหรือระบบขนส่งมวลชนที่ใช้รางทุกขนาด
.........6 . การทำเหมืองตามกฎหมายว่าด้วยแร่
ทุกขนาด
.........7. นิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยนิคมอุตสาหกรรม
หรือโครงการที่มีลักษณะเช่นเดียว กับนิคม อุตสาหกรรม ทุกขนาด
.........8. ท่าเรือพาณิชย์ที่สามารถรับเรือขนาดตั้งแต่
500 ตันกรอส ขึ้นไป
.........9. โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่
10 เมกกะวัตต์ ขึ้นไป
........10. การอุตสาหกรรม
...................- อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ที่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และ/หรือ แยกก๊าซธรรม
ชาติในกระบวนการผลิตตั้งแต่ 100 ตันต่อวัน ขึ้นไป
...................- อุตสาหกรรมกลั่นปิโตรเลียม
ทุกขนาด
...................- อุตสาหกรรมแยกหรือแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ
ทุกขนาด
...................- อุตสาหกรรมคลอ - แอลคาไลน์
ที่ใช้โซเดียมคลอไรด์เป็นวัตถุดิบในการผลิต โซเดียมคาร์บอเนต โซเดียมไฮดรอกไซด์
กรดไฮโดรคลอริก คลอรีน โซเดียมไฮโพคลอไรด์ และปูนคลอรีน ที่มีกำลังผลิตสารดังกล่าว
แต่ละชนิดหรือรวมกันตั้งแต่ 100 ตันต่อวัน ขึ้นไป
...................- อุตสาหกรรมเหล็กและ/หรือเหล็กกล้า
ที่มีกำลังผลิตตั้งแต่ 100 ตันต่อวัน ขึ้นไป (กำลังผลิตให้ ้คำนวณโดยใช้กำลังผลิตของเตาเป็นตันต่อชั่วโมง
คูณด้วยชั่วโมง)
...................- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ทุกขนาด
...................- อุตสาหกรรมถลุงแร่
หรือหลอมโลหะ ซึ่งมิใช่อุตสาหกรรมเหล็กหรือเหล็กกล้า ที่มีกำลังผลิตตั้ง
แต่ 50 ตันต่อวัน ขึ้นไป
...................- อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษที่มีกำลังผลิตตั้งแต่
50 ตันต่อวัน ขึ้นไป
..........4. โครงการทุกประเภทที่อยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่
ลุ่มน้ำชั้น 1 บี ทุก ขนาด
..........5. การถมดินในทะเล ทุกขนาด
..........6. อาคารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
ฝั่งทะเล ทะเลสาบ หรือชายหาด ที่อยู่ใกล้ หรือในอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยาน
ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
อาคารมีขนาด
...................- ความสูงตั้งแต่ 23
เมตร ขึ้นไป หรือ
...................- มีพื้นที่รวมกันทุกชั้น
หรือชั้นใดชั้นหนึ่งในหลังเดียวกัน ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตร ขึ้นไป
..........7. อาคารชุดพักอาศัยตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
มีจำนวนห้องชุดตั้งแต่ 80 ห้องชุดขึ้นไป
..........8. การจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
หรือเพื่อประกอบการพาณิชย์ จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลง ขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า 100 ไร่
..........9. โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล
...................- กรณีตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
ฝั่งทะเล ทะเลสาบ หรือชายหาด ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบ กระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตั้งแต่ 30 เตียง ขึ้นไป
...................- กรณีที่โครงการไม่อยู่ในข้อแรก
ที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตั้งแต่ 60 เตียงขึ้นไป
........10. อุตสาหกรรมผลิตสารออกฤทธิ์ หรือสารที่ใช้ป้องกัน
หรือกำจัดศัตรูพืช หรือสัตว์ โดยกระบวนการ ทางเคมี ทุกขนาด
........11. อุตสาหกรรมการผลิตปุ๋ยเคมี โดยกระบวนการทางเคมี
ทุกขนาด
........12. ทางหลวง หรือถนน ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ตัดผ่านพื้นที่ดัง
ต่อไปนี้
...................- พื้นที่เขตรักษาพันธุ์และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ตามกฎหมายว่าด้วยการสงวน และ คุ้มครองสัตว์ป่า
...................- พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ
ตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
...................- พื้นที่เขตลุ่มน้ำชั้น
2 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้ว
...................- พื้นที่เขตป่าชายเลนที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ
...................- พื้นที่ชายทะเลในระยะ
50 เมตร ห่างจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด ทุกขนาด ที่เทียบเท่าหรือ สูง กว่ามาตรฐานต่ำสุดของทางหลวงชนบทขึ้นไป
โดยรวมความถึงการก่อสร้างคันทางใหม่เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว
การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องเสนอขอรับความเห็นชอบจากคณะ
รัฐมนตรีตามระเบียบ ของทางราชการ ระยะทำการศึกษา ความเหมาะสมของโครงการต้องเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
............โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
จะต้องได้รับอนุญาตจาก ทางราชการตามกฎหมาย ก่อนเริ่มการก่อสร้างหรือดำเนินการ
ให้บุคคลผู้ขออนุญาตเสนอรายงานการวิเคราะห์ ์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
และ ต่อสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่สำนักงาน นโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมแล้ว พบว่าข้อมูลไม่ครบถ้วน จะแจ้งให้ผู้เสนอโครงการทราบภายใน
15 วัน นับตั้งแต่วันที่เสนอรายงาน หรือหากรายงานการวิเคราะห์ ์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมมีข้อมูลครบถ้วน
และถูกต้องแล้ว จะพิจารณาเสนอความเห็นเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 30วัน
นับตั้งแต่วันเสนอรายงาน แล้วนำเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาต่อไปคณะกรรมการ
ผู้ชำนาญ การจะต้องพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จภายใน
15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับ รายงานจากสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม
หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จให้ถือว่าคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ให้ความเห็นชอบแล้ว
............กรณีที่ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายสั่ง
อนุญาตแก่บุคคลซึ่งขออนุญาตได้
............กรณีไม่ให้ความเห็นชอบ ผู้ขออนุญาตจะต้องแก้ไขเพิ่มเติม
หรือจัดทำใหม่ทั้งฉบับตามที่คณะกรรมการ ผู้ชำนาญการกำหนดเมื่อผู้ขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติม
หรือจัดทำใหม่เสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการ พิจารณา ให้เสร็จสิ้นภายใน
30 วัน หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จให้ถือว่าให้ความเห็นชอบ
............ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมกรรมการผู้ชำนาญการหรือพนักงาน
เจ้าหน้า ที่ที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการมอบหมาย มีอำนาจตรวจสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ตั้ง
โครงการเพื่อประโยชน์ในการ พิจารณาได้ตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2535 ประกอบด้วย