จากสามตอนที่ผ่านมาพูดถึงภาพกว้าง ของการจัดการกลยุทธ์ การกำหนดทิศทางขององค์กร เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายนอก ภายใน และ การกำหนดกลยุทธ์ ไปแล้ว และก็มาถึงขั้นสุดท้ายในการจัดการเชิงกลยุทธ์ นั้นคือ การนำไปใช้และการควบคุม (อาจารย์บางท่านอาจจะแยกขั้นตอนนี้ออกเป็น 2 ส่วนคือ การนำไปใช้ 1 ส่วน และการควบคุมอีก 1 ส่วนเนื่องจากมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ แต่เราในฐานะที่เรียนลัด ก็เลยขอรวบไว้เป็นข้อเดียวกัน และอีกอย่างเมื่อขั้นตอนนีเสร็จสิ้นแล้ว สำคัญที่สุด คือ ต้องมีการตรวจสอบ ทบทวน และปรับแผนการจัดการของเรา ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ดังแสดงใน รูปภาพแรกของบทความที่ 1 นั่นเอง เอาละครับ มาเข้าเนื้อหากันดีกว่า เรื่องนี้ไม่ยากครับ แต่เยอะ เท่านั้นเอง
4. การนำไปใช้และการควบคุม (Implementation and Control)
- การนำไปปฏิบัติ ใช้ Strategy Map
- การควบคุม ใช้ Balance Score Card : BSC โดย BSC จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุม

4.1 แผนที่กลยุทธ์ แผนที่กลยุทธ์ คือ การนำกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้ไปปฏิบัติงาน โดยแผนกลยุทธ์นี้ปรับมาจาก BSC มีมุมมองในการปฏิบัติ 4 มุมมอง คือ
- Financial Perspective
- Customer Perspective
- Internal Process Perspective
- Learning & Growth Perspective
- โดยมีแนวคิดว่า องค์การจะต้องมีกำไร ซึ่งเกิดยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ลดลง กำไรนี้ต้องเป็นกำไรที่ทำให้องค์กรอยู่รอดได้ในระยะยาว – –มุมมองด้านการเงิน
- การที่องค์กรจะมีกำไรและความอยู่รอดได้ในระยะยาว กำไรดังกล่าวต้องเกิดจากความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งองค์กรต้องตอบสนองต่อความพึงพอใจนี้ โดยมีสินค้า/บริการ ที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ครอบคลุมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหาย มีภาพลักษณ์ขององค์กรที่ดี ความพึงพอใจของลูกค้าจะเกิดขึ้น นั่นคือ การทำให้คุณค่าโดยรวมสำหรับลูกค้าเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนโดยรวมสำหรับลูกค้าลง – – มุมมองด้านลูกค้า
- การที่ลูกค้าจะมีความพึงพอใจจะต้องเกิดจากสินค้าและบริการมีคุณภาพดี โดยสินค้าและบริการที่ดีจะต้องมีกระบวนการผลิตที่ดี มีประสิทธิผล…. Productivity สูงสุด – – มุมมองด้านกระบวนการภายใน
- และการดำเนินงานภายในจะมีประสิทธิภาพได้ จะต้องเกิดจาก HRM ได้รับการเรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีโครงสร้างที่เหมาะสมกับการทำงาน และมีเทคโนโลยีที่ดี – – มุมมองด้านการเรียนรู้และพัฒนา
ตัวอย่างแผนที่กลยุทธ์ของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Cost Leadership

ตัวอย่างแผนที่กลยุทธ์ของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Differentiation

สิ่งที่ควรคำนึงถึง
– ผู้นำ – ฐานข้อมูล
– ทักษะ H/W, S/W, Communication
– องค์ความรู้ ERP
*ไปขยายความเพิ่มเติม
4.2 BSC เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุม โดยแบ่งมุมมองในการควบคุมเป็น 4 มุมมอง
- Financial Perspective
- Customer Perspective
- Internal Process Perspective
- Learning & Growth Perspective
ตัวอย่าง Balance Score Card

ถาม : MBO กับ BSC ต่างกันอย่างไร
Management By Objective: MBO คือ การบริหารงานที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการกำหนดวัตถุประสงค์
BSC เป็นเครื่องมือในการควบคุม เปลี่ยนจากเครื่องมือควบคุมเป็นวิธีการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามแผน
ถาม : คุณมั่นใจอย่างไรว่าแผนนั้นจะใช้ได้จริง
- ต้องมีการทดสอบกลยุทธ์ กลยุทธ์ที่วางไว้ต้องสามารถครอบคลุม SWOT ได้ทั้งหมด
ตัวอย่าง(แบบเร็ว) Value Chain แบบเร็ว กรณีศึกษาชาใบข้าว
ชาใบข้าว
Inbound Logistic มีการเก็บวัตถุดิบที่ดี
เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สภาวะแวดล้อมภายใน เพื่อหาปัจจัยกลยุทธ์ (Strategy Factor) โดยมี 2 ส่วน ที่ต้องวิเคราะห์ คือ Primary Activity และ Support Activity
Outbound Logistic คือ กระบวนการ
Inbound Logistic เป็นการวิเคราะห์ วัตถุดิบ รวมถึงการขนส่ง
จำนวนวัตถุดิบ ต้องมีจำนวนที่เหมาะสม ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป โดยการควบคุมจำนวนวัตถุดิบใช้ จำนวนวัตถุดิบควรมีมากเพียงพอ จากเป็นการผลิตขนาดใหญ่ Mass Production เป็นจุดแข็ง
จำนวนวัตถุดิบ มีเพียงพอในการผลิต ทำการผลิตต่อเนื่อง ราบรื่น ทำให้ต้นทุนต่ำ เป็นจุดแข็ง
ราคาวัตถุดิบ ถ้าราคาวัตถุดิบต่ำ ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง มีกำไรมากขึ้น เป็นจุดแข็ง
คุณภาพ องค์การสามารถจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงได้ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เป็นจุดแข็ง
การขนส่ง องค์การสามารถจัดส่งวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ต้นทุนการขนส่ง จัดเก็บ ลดลง มีกำไร เป็นจุดแข็ง
Operation คือ การแปรสภาพ I/P ให้เป็น O/P โดยการวิเคราะห์ในด้าน
การวางแผนการผลิต องค์การมีการวางแผนการผลิต แบบ Product Focus ทำให้ต้นทุนลดลง ทำให้องค์การมีกำไร เป็นจุดแข็ง
คำถามท้ายเรื่อง
1. ให้เลือกเครื่องมืออย่างน้อย 1 ตัวในแต่ละข้อ ต่อไปนี้ในการจัดการเชิงกลยุทธ์ โดยการเลือกจะต้องครบทุกขั้นตอนในการจัดการเชิงกลยุทธ์ พร้อมทั้งอธิบาย การใช้เครื่องมือ ยกตัวอย่าง และบอกเหตุผลที่เลือกเครื่องมือนั้นในแต่ละขั้นตอน
- STEEP or PEST Analysis หรือ 5 ’s force หรือ Issue Priority Matrix หรือ EFAS
- Value Chain หรือ VRIO หรือ 7 ’s หรือ Corporate Structure หรือ Corporate Culture หรือ IFAS
- TOWS Matrix หรือ SFAS
- BCG หรือ GE
- Strategy Map
- Balance Score card
ข้อแนะนำในการเลือก
- 5 ‘s Forces ตามด้วย Issue Priority Matrix
- I, E, S FAS เขียน I ก่อน E เหมือน I และ S มาจาก E + I
- Value Chain หรือ เลือก VRIO เพราะอธิบายทีเดียว
- TOWS Matrix
- Strategy Map, Balance Score card (นิดหน่อย)
2. จงอธิบาย กลยุทธ์ ทั้ง 3 ระดับ ว่ามีลักษณะอย่างไร มีข้อแนะนำในการใช้งานอย่างไร และควรใช้แต่ละกลยุทธ์เมื่อใด
1. Corporate Strategy
1.1 Growth
1.2 Stability
1.3 Retrenchment
2. Business Strategy
2.1 Cost Leadership
2.2 Differentiation
2.3 Focus
2.3.1 Cost Leadership
2.3.2 Differentiation
2.4 Quick Response
3. Functional Strategy ข้อแนะนำ ให้ใช้ Value Chain เขียนทั้งหมดเลย โดยแบ่งกลุ่ม หลักๆ คือ กราผลิต (in bound, operation, out bound ) การตลาด (Marketing and sell , Service) การจัดการ (Firm Infrastructure) HR Technology Procurement
– Production
– Maketing
– HR
– Management
– Finance
ฯลฯ
3.จงอธิบายเครื่องมือในการนำเอากลยุทธ์ไปใช้ Strategy Map เขียนที่มา วาดตัวอย่าง
4.จงอธิบาย Strategic Control Process และเครื่องมือที่จะใช้ในการควบคุมให้การจัดการเชิงกลยุทธ์สำเร็จ Balance Score card
AAAAAAAAAAAAAAA จบแล้วจ้า AAAAAAAAAAAAA