2.2 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environmental Scanning)
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environmental Scanning ) เพื่อกำหนด จุดแข็ง Strange (S) และจุดอ่อน Weakness (W) ขององค์กร มีเครื่องมือ ได้แก่
2.2.1 Value Chain เป็นการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมภายใน เพื่อกำหนด จุดแข็ง Strange (S) และจุดอ่อน Weakness (W) ขององค์กร และกำหนด Business Strategy
ข้อควรจำ
- สินค้าที่เป็น Standardization ต้องใช้กลยุทธ์ Cost Leadership เพราะฉะนั้นต้องผลิตเหมือนๆกัน ทีละเยอะๆ ต้องมีจุดเน้นอยู่ที่ การผลิต
- สินค้า Customization ต้องใช้กลยุทธ์ Differentiation เพราะฉะนั้นจุดแข็งอยู่ที่ การตลาด

สิ่งที่ต้องวิเคราะห์ใน Value Chain

*หมายถึง สิ่งที่ต้องดำเนินการวิเคราะห์
Value Chain จะแบ่งเป็น 2 ส่วน
- Primary Activity กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมก่อให้เกิดสินค้าและหรือบริการ
- Support Activity กิจกรรมสนับสนุน เป็นกิจกรรมที่สนับสนุนให้กิจกรรมหลัก ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การวิเคราะห์ Value Chain จะวิเคราะห์ 2 ส่วน คือ Primary Activity และ Support Activity
1. Primary Activity
1.1 Operation เป็นการวิเคราะห์การแปรสภาพ (Transformation) วัตถุดิบให้เป็นสินค้า (Value-Added) ให้กับ Input ให้เป็น Output โดยวิเคราะห์ในด้าน
- การวางแผนการผลิต หากองค์การกำหนด Aggregate Plan (ตารางการผลิต) (Master Plan Schedule) จะผลิตสินค้าได้อย่างเหมาะสม ทันเวลา ตามคำสั่งการผลิตของลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ การผลิตต่อเนื่อง ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ เป็นจุดแข็ง (S)
- การวางแผนกำลังการผลิต คือการใช้เครื่องจักรได้อย่างเหมาะสม มีการวางแผนการผลิตในระยะยาว เพื่อกำลังการผลิตอย่างเหมาะสม เพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างเหมาะสม การผลิตต่อเนื่อง ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ เป็นจุดแข็ง (S)
- กระบวนการผลิต (Process) มี 2 แบบคือ
- 1.Product Focus (Flow Shop: เป็นกระบวนการผลิตแบบต่อเนื่องเน้นมาก ๆ) ใช้กับสินค้า Standardization
- 2.Process Focus (Job Shop) ใช้กับสินค้า Customization การเลือกกระบวนการผลิตที่เหมาะสม จะทำให้ไม่เสียเวลาในการผลิต มีของเสียจากการผลิตไม่มาก ต้นทุนการผลิตจะต่ำ มีกำไร เป็นจุดแข็ง (S)
- การวางผังการผลิต (Layout) เป็นการกำหนด หรือวางเครื่องมือ เครื่องจักรให้ง่ายต่อการผลิต มี 2 แบบ
1.2 Inbound Logistic เป็นการวิเคราะหการจัดการวัสดุ วัตถุดิบ ภายในองค์กร โดยวิเคราะห์ในด้าน
- จำนวนวัตถุดิบ ถ้าวัตถุดิบมีเพียงพอในการผลิต จะทำให้กระบวนการผลิตมีความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก ต้นทุนการดำเนินงานจะต่ำ กำไรเพิ่มขึ้น เป็นจุดแข็ง (S)
- คุณภาพวัตถุดิบ ถ้าวัตถุดิบมีคุณภาพ จะทำให้ของเสียระหว่างการผลิตลดลง สินค้าที่ได้ (output) มีคุณภาพเป็นจุดแข็ง (S)
- ราคาวัตถุดิบ ถ้าสามารถควบคุมราคาวัตถุดิบได้ จะทำให้ต้นทุนต่ำ กำไรสูง เป็นจุดแข็ง (S)
- การขนส่ง และการจัดเก็บวัตถุดิบ ที่ดี ทันเวลา ทำให้กระบวนการผลิตทันเวลา การผลิตต่อเนื่อง ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ เป็นจุดแข็ง (S)
- การจัดการวัสดุ แบบ JIT มีความเหมาะสมกับการผลิต และลักษณะของสินค้า ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ ต้นทุนการดำเนินงานจะต่ำ มีกำไรเพิ่มขึ้น เป็นจุดแข็ง *ต้องพิจารณาด้วยว่าสินค้าเป็นอะไร เช่นสินค้าแบบStandardizationซึ่งใช้กลยุทธ์ Cost Leadershipใช้ JIT ได้ แต่ถ้าหากสินค้าเป็นแบบ Customization ซึ่งใช้กลยุทธ์ Differentiation ต้องใช้การผลิตแบบเป็นแบบMRP (Manufacturing resource planning) จึงจะเป็นจุดแข็ง เนื่องจาก MRP มีวัสดุ สินค้า มีหลายชนิด ต้นทุนจัดการจะสูงกว่าJIT
- Process Layout วางเครื่องจักร เครื่องมือ ล้อมผู้ผลิต หากวางไม่ถูก อุบัติเหตุในการผลิตจะเกิดขึ้น เน้นเรื่องความปลอดภัย เพราะหากเกิดเหตุ การผลิตจะหยุด ทำให้ต้นทุนการดำเนินการผลิตสูง ใช้กับสินค้า Customization
- ทำเลที่ตั้ง (Location) ต้องคำนึงถึงการขยายตัวในระยะยาว มีผลต่อการขนส่ง สาธารณูปโภค การคมนาคม ถ้าเลือกดีจะทำให้ต้นทุนต่ำ มีกำไร จุดแข็ง ตั้งอยู่ในเขตที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (ต้นทุนต่ำ เป็นจุดแข็ง)Product Layout การวางผังการผลิตโดยคำนึงถึงสินค้า เครื่องจักรตั้งถาวร ใช้กับสินค้า Standardization
1.3 Outbound Logistic เป็นการวิเคราะห์สินค้า การขนส่ง และการกระจายสินค้า โดยวิเคราะห์ในด้าน
- คุณภาพสินค้า ตัวสินค้ามีคุณภาพดี ตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้ มีการบริการที่ดี จะเป็นจุดแข็งขององค์กร (S)
- สินค้าคงคลัง (Inventory)
- Made to Stock สินค้าคงเหลือมาก Standardization
- Made to Order สินค้าคงเหลือน้อย Customization
- คลังสินค้า (Warehouse) การจัดเก็บ การเก็บรักษา ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพ และต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า ถ้ามีการจัดการคลังสินค้าที่ดี มีการดำเนินงานที่สะดวก ในการกระจายสินค้า ต้นทุนจะต่ำ มีกำไร เป็นจุดแข็ง
- การกระจายสินค้า (Distributor) ถูกต้อง ตรงกับคน ทันเวลา ถูกสถานที่ (Logistic and Supply Chain) โดยต้นทุนต่ำที่สุด เป็นจุดแข็ง
1.4 Marketing and Sell ตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยวิเคราะห์ในด้าน
- STP ถ้าองค์กรมีการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า มีกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน ตอบสนองความพึงพอใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ จะเป็นจุดแข็ง
- Product Feature บรรจุภัณฑ์ Brand ความหลากหลาย
- Price การกำหนดราคา Cost-Based Pricing (Standardization หรือ Convenient goods ) คือการกำหนดราคาตามต้นทุน Value Based Pricing (Customization หรือ Shopping goods Specialty goods) ตั้งราคาเหมาะสม สามารถแข่งขันได้ มีภาพลักษณ์ที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม เป็นจุดแข็ง
- Place ช่องทางการจัดจำหน่าย ครอบคลุมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย การขนส่ง ประสิทธิภาพของคนกลาง (ช่องทางการจัดจำหน่าย) รวมถึงคลังสินค้า หน้าร้าน
- Promotion โดยIMC เป็นการสื่อสารการตลาดครบวงจร วิเคราะห์ในด้าน
- Advertising กำหนดวัตถุประสงค์การโฆษณา โดยการเลือกสื่อ สาร ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นจุดแข็ง
- CPR MPR มีการใช้ทั้ง 2 แบบ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นจุดแข็ง
- Sell Promotion มีการทำ Sell Promotion อย่างเหมาะสม เป็นจุดแข็ง
- Direct Sell Personal Sell เป็น Place ที่เหมาะสม เป็นจุดแข็ง
1.5 Service การบริการระหว่างการขาย/หลังการขาย การรับประกัน การมีสินค้าให้ใช้ระหว่างซ่อม โดยวิเคราะห์ในด้านคุณภาพ ปริมาณ ในการบริการ
- Standardization ไม่เน้นการบริการ แต่ต้องมีอย่างน้อยเท่ากับคู่แข่ง
- Customization เน้นการบริการ ที่เท่าหรือเหนือกว่าคู่แข่ง
2. Support Activity
ในส่วนที่ 2 Support Activity เพื่อสนับสนุนให้ Primary Activity ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย
2.1 Firm Infrastructure
- Management การประสานงานทั้งหมดในองค์การเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ประสานทุกหน้าที่ในองค์กร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อให้ลูกค้าแสดงความพึงพอใจ องค์การมีกำไร และอยู่รอดได้ในระยะยาว โดยวิเคราะห์ในด้าน
- การวางแผนต้องใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง และโอกาส หลีกเลี่ยงจุดอ่อนและภัยคุกคาม โดยมีการวิเคราะห์SWOT ทำให้องค์การสามารถแข่งกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นจุดแข็ง มีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่เป็นแบบ Clear and Focus
- โครงสร้างขององค์การ (Organizing) โครงสร้างมีความเหมาะสม สายการบัญชาสั้น ชัดเจน ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กันและกัน (Fast and Flat) เป็นจุดแข็ง
- โครงสร้างตามหน้าที่ –> สินค้า Standardization Fast and Flat, Chain of command Span of control
- โครงสร้าง Cross-Functional หรือ Matrix เหมาะสมกับสินค้า Customization เน้น Differentiation เกิด Innovation
- Leading การจูงใจให้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้บริหารในฐานะผู้นำมีทักษะ สามารถใช้แรงจูงใจให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม เป็นจุดแข็ง
- Controlling สามารถเลือกใช้เครื่องมือในการควบคุมได้อย่างเหมาะสม เป็นจุดแข็ง
- Accounting สามารถนำการบัญชีมาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในการตัดสินใจของผู้รับบริการ เป็นจุดแข็ง โดยวิเคราะห์บัญชีต้นทุน เพื่อใช้ในการตัดสินใจ เป็นจุดแข็ง โดยวิเคราะห์ในด้าน
- งบดุล รู้ถึงสถานะ เพื่อเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจได้ จุดแข็ง
- งบกำไร/ขาดทุน ดูผลประกอบการ สถานะขององค์การ
- งบกระแสเงินสด ดูผลประกอบการ สถานะขององค์การ
- Finance หรือความมั่งคั่งสูงสุดของผู้ถือหุ้น โดยวิเคราะห์ในด้าน
- แหล่งเงินทุน มีแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยคำนึงถึง Cost of Capital โดยให้ WACC ต่ำสุด เพื่อให้มีกำไร
- การใช้เงินทุนในการลงทุน ทั้งทรัพย์สินหมุนเวียน และทรัพย์สินถาวร มีการประเมินโครงการอย่างถูกต้อง เหมาะสม เป็นจุดแข็ง
- นโยบายเงินปันผล เลือกใช้อย่างเหมาะสม ผู้ถือหุ้นมั่งคั่งสูงสุด เป็นจุดแข็งขององค์การ
2.2 Human Resources Management เพื่อให้ได้คน มีประสิทธิภาพ จำนวนเพียงพอ มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยวิเคราะห์ในด้าน
- การวางแผนกำลังคน เพ่อให้มีคนเพียงพอในการดำเนินงาน
- การสรรหาและคัดเลือก เพื่อให้ได้คนที่มีคุณภาพ คุณสมบัติตรงกับ JD เป็นจุดแข็ง
- ปฐมนิเทศ เพื่อให้พนักงานใหม่ปรับตัวกับองค์การ ลดความเครียด มีประสิทธิภาพในการทำงาน
- การประเมินผลพนักงาน อย่างมีประสิทธิภาพ แบบ 360 องศา สามารถจัดการฝึกอบรม และจ่ายค่าตอบแทนได้อย่างเหมาะสม
- การฝึกอบรมและพัฒนา อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดประสิทธิภาพดีขึ้น เป็นจุดแข็ง
- จ่ายค่าตอบแทน อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจ และคู่แข่งขัน สร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน
- แรงงานสัมพันธ์ มี เป็นจุดแข็ง
2.3 Technology & Development มีการใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสม มีเครื่องมือ เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ มีกาส่งเสริมให้มีการวิจัย และพัฒนา ให้เกิดสินค้า และนวัตกรรม เพื่อให้แข่งขันได้เป็นจุดแข็ง
2.4 Procurement มีการจัดซื้อ จัดหาวัสดุ การจัดการที่มีประสิทธิภาพ เป็นจุดแข็ง
2.2.2 VRIO เป็นการวิเคราะห์ทรัพยากรภายในองค์การ ซึ่งประกอบด้วย คน วัตถุดิบ เครื่องมือ/เครื่องจักร เงิน การจัดการ เพื่อกำหนด จุดแข็ง Strange (S)และจุดอ่อน Weakness (W)ขององค์กร ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ ดังนี้
- Value ความมีคุณค่า
- คน
- วัตถุดิบ
- เครื่องมือ เครื่องจักร
- การจัดการ (POLC)
- Rareness ความหายาก
- คน
- วัตถุดิบ
- เครื่องมือ เครื่องจักร
- การจัดการ ส่วนมากเป็นจุดอ่อน
- Immutability การลอกเลียนแบบ
- คน
- วัตถุดิบ
- เครื่องมือ เครื่องจักร
- การจัดการ (POLC)
- Organization การนำไปใช้
- คน –> ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ?
- วัตถุดิบ –> ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ?
- เครื่องมือ เครื่องจักร –> ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ?
- การจัดการ (POLC) –> ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ?
หลักเกณฑ์ในการพิจารณา จาก VRIO Framework ที่มา http://www.strategicmanagementinsight.com/tools/vrio.html


2.2.3 7 ‘s McKinsey

- Structureโครงสร้าง เหมาะสมหรือไม่
-โครงสร้างตามหน้าที่ –> สินค้า Standardization Fast and Flat, Chain of command Span of control
– โครงสร้าง Cross-Functional หรือ Matrix เหมาะสมกับสินค้า Customization เน้น Differentiation เกิด Innovation - Skill ทักษะในการทำงาน เหมาะสมหรือไม่ (พนักงาน ผู้ให้บริการ)
- Style รูปการบริหารงานของผู้บริหาร ผู้นำประชาธิปไตย / Leading
- System ระบบ การจัดการองค์การ
- Strategy เหมาะสม/วางแผน
- Staff พนักงาน/HRM
- Share Value วัฒนธรรมองค์กร มี Mission Vision เดียวกันหรือเปล่า
2.2.4 Corporate Structure วิเคราะห์โครงสร้างองค์การ
- Chain of Command สายการบังคับบัญชา สั้นหรือยาว ดีหรือไม่ เหมาะสม หรือไม่อย่างไร เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน
- Span of Control ถ้ากว้าง ไม่ทั่วถึง ดีหรือไม่ เหมาะสม หรือไม่อย่างไร เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน
- Delegation การมอบหมายงาน ดีหรือไม่ เหมาะสม หรือไม่อย่างไร เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน
- Centralization (Standardization)
- Decentralization (Customization) >> Empowerment >> LO >> KM >> Innovation
- Formalization ระเบียบ วิธีปฏิบัติ ดีหรือไม่ เหมาะสม หรือไม่อย่างไร มีมากจนทำให้ขั้นตอนเยอะ ทำให้ช้า หรือมีน้อย จนทำให้เกิดความผิดพลาด หรือมีแล้วไม่ปฏิบัติ เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน
2.2.5 Corporate Culture วัฒนธรรมองค์กร ความเชื่อ แนวความคิดที่ทุกคนใช้ร่วมกัน วัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ จะเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะแวดล้อม ทำให้องค์การสามารถปรับตัวได้ ดี เป็นจุดแข็ง
- เชิงรุก ยา เทคโนโลยี Customization
- ชอบเสี่ยง ยา เทคโนโลยี
- เน้นรายละเอียด ราชการ
- เน้นการทำงานเป็นทีม Standardization
- เน้นบุคคล สินค้าที่เป็นบริการต่าง ๆ
เป็นจุดแข็ง และจุดอ่อนได้ องค์กรต้องใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง การแก้ไขจุดอ่อน ใช้จุดแข็งในการแข่งขัน
2.2.6 ตาราง I-FAS (Internal Factor Analysis Summary)

อธิบาย
Column [1] ปัจจัยภายใน (Internal Factor) อันได้แก่ จุดแข็งและจุดอ่อน ที่ได้รับการพิจารณาแล้วจากคณะทำงาน โดยไม่มีความจำเป็นต้องมีจำนวนเท่ากัน ระหว่างจุดแข็งและจุดอ่อน
Column [2] Weight คือน้ำหนักของแต่ละปัจจัยตามลำดับความสำคัญ แต่เมื่อรวมกันแล้ว ต้องเท่ากับ 1 ตามผู้คิดค้นกำหนด
Column [3] Rating คือ ระดับการตอบสนองขององค์กรต่อปัจจัยนั้นๆ โดยกำหนดให้เป็นระดับดังนี้
1 น้อยที่สุด
2 น้อย
3 พอใช้/ ปานกลาง
4 ดี
5 ดีมาก
Column [4] Weight Score คือผลคูณที่เกิดจาก Column [2] X Column [3] และนำผลที่ได้ในทุกๆปัจจัยมารวมกัน เพื่อพิจารณาว่าองค์กรให้ความสำคัญกับสภาวะแวดล้อมภายนอกอยู่ใรระดับใด
เกณฑ์การพิจารณา ***ไม่ต้องเขียน ให้เขียนสรุปเลย
0 – 2.66 ต่ำ
2.67 – 3.65 ปานกลาง
3.66 ขึ้นไป สูง
Column [5] ข้อเสนอแนะ
** ข้อแนะนำสำหรับการตอบกรณีทำ E-FAS แล้ว I-FAS สามารถตอบสั้นๆได้ ดังนี้
ตาราง I-FAS ขอใช้ตาราง E-FAS ตอบเลย เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกัน ยกเว้น Column ที่ 1 คือปัจจัยเชิงกลยุทธ์ ที่เป็น จุดแข็ง จุดอ่อน นอกจากนั้นเหมือนกันทั้งหมด
สรุป องค์กรให้ความสำคัญกับสภาวะแวดล้อมภายในอยู่ในระดับ ….สูง……กลาง…….ต่ำ
2.3 การวิเคราะห์ SWOTมี 2 เครื่องมือ
2.3.1 TOWS Matrix

กลยุทธ์ TOWS Matrix มี 4 กลยุทธ์
- กลยุทธ์ SO หมายความว่า ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและโอกาสในการกำหนดกลยุทธ์ ใช้ S+O ผสมกันเป็นกลยุทธ์ออกมา เช่น
- ภาวะเศรษฐกิจดี สินค้ามีรสชาติ Packaging ดี ควรใช้รสชาติ และ Packing ในการทำตลาด
- ภาวะเศรษฐกิจดี มี Market share สูง ควรใช้
ตย. เนื่องจากมีการสนับสนุนให้คนไทยรักการอ่าน ควรใช้เทคโนโลยีและงานที่มีคุณภาพสูง รวดเร็วผลิตสินค้าให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่รักการอ่าน ประกอบกับมีนักเขียนหน้าใหม่เข้ามาในวงการมาก ก็จะทำให้มีต้นฉบับใหม่ในการทำสิ่งพิมพ์มากขึ้นด้วย ควรใช้คุณภาพ ความรวดเร็วและความหลากหลายแปลกใหม่ในการทำตลาด
- กลยุทธ์ ST ใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง และหลีกเลี่ยงภัยคุกคาม ที่มีผลกระทบต่อองค์กร เช่น
- ใช้ Market Share เดิมที่มีมาก ทำให้ผู้บริโภคไม่ไปบริโภคสินค้าทดแทน
ตย. เนื่องจากต้นทุนกระดาษที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่แพงขึ้น ควรใช้เทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงของตนเอง ในการควบคุมวัตถุดิบที่สำคัญคือ กระดาษ ให้มีของเสียน้อยที่สุด
- กลยุทธ์ WO ประโยชน์จากโอกาสและแก้ไขจุดอ่อนภายในองค์กร เช่น
- ถ้าเรามีอำนาจต่อรองกับ Supplier สูง แต่วัตถุดิบเสียหายง่าย เราใช้กลยุทธ์ในการต่อรองกับ Supplier
ตย. มีการสนับสนุนให้คนรักการอ่าน มีนักเขียนหน้าใหม่มาก ควรปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย ให้สนองต่อตลาดที่เป็นผลมาจากการสนับสนุนให้รักการอ่าน
- กลยุทธ์ WT แก้ไขจุดอ่อน และหลีกเลี่ยงภัยคุกคาม เช่น
- ถ้าสินค้าเรามีการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดน้อย และมีสินค้าทดแทนมาก ก็จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดให้มากขึ้นเพื่อแย่งตลาดกับสินค้าทดแทน
ตย. ไม่ลงทุนกับเทคโนโลยีเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพง และสื่อเป็นที่นิยมน้อยลง รวมทั้งวัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น แต่ควรหันไปลงทุนในธุรกิจสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยอาศัยพื้นฐานเดิม โดยจะเป็นการเติบโตแบบ Diversification แบบ Concentric
ใช้กำหนด Business Strategy ว่าเป็น Cost Leadership หรือ Differentiation เรื่อง เงิน เช่น WACC, เทคโนโลยี, คน
2.3.2 SFAS: Strategic Factor Analysis Summary คือตารางที่ใช้สรุป strategic factor ที่ได้มาจาก ตาราง I-FAS และตาราง E-FAS

หลักการ
Column [1] ปัจจัยกลยุทธ์ โดยเลือกตาม Weight (Column [2] ของตาราง I-FAS และตาราง E-FAS) โดยเลือกตามลำดับความสำคัญสูงๆมาก่อน (ข้อแนะนำในการเลือกคือ เลือก 0.5 ขึ้นไป) จากตาราง I-FAS และตาราง E-FAS ไม่จำเป็นต้องยกมาทุกตัว
Column [2] Weight คือน้ำหนักของแต่ละปัจจัยตามลำดับความสำคัญ ไม่ได้นำค่าเดิมมา แต่ต้องจัดลำดับใหม่ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับองค์กร แต่เมื่อรวมกันแล้ว ต้องเท่ากับ 1 ตามผู้คิดค้นกำหนด
Column [3] Rating คือ ระดับการตอบสนองขององค์กรต่อปัจจัยนั้นๆ โดยให้ใช้ค่าเดิมจากตาราง I-FAS และตาราง E-FAS ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง
Column [4] Weight Score คือผลคูณที่เกิดจาก Column [2] X Column [3] และนำผลที่ได้ในทุกๆปัจจัยมารวมกัน เพื่อพิจารณาว่าองค์กรให้ความสำคัญกับสภาวะแวดล้อมอยู่ใรระดับใด
เกณฑ์การพิจารณา ***ไม่ต้องเขียน ให้เขียนสรุปเลย
0 – 2.66 ต่ำ
2.67 – 3.65 ปานกลาง
3.66 ขึ้นไป สูง
Column [5] Duration คือการให้ความสำคัญกับปัจจัยนั้นๆ ในระยะ ช่วงไหน ได้แก่ Short Intermediate Long
Column [6] ข้อเสนอแนะ