ระบบนิเวศน้ำเค็ม
ได้แก่บริเวณพื้นน้ำที่เป็นทะเล
และมหาสมุทร ประกอบด้วยชายฝั่งทะเลซึ่งมีทั้งหาดทรายและหาดหิน
ชายหาดเป็นบริเวณที่ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาตลอดเวลา พื้นผิวของหาดทรายและหาดหินจะเปียกและแห้งสลับกันในช่วงวันหนึ่งๆ
ที่เป็นเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ทำให้อุณหภูมิช่วงวันหนึ่งๆ ของบริเวณดังกล่าวแตกต่างกันไปด้วย
นอกจากนี้น้ำทะเลมีสารประกอบพวกเกลือละลายอยู่หลายชนิด สัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลจึงต้องมีการปรับสภาพทางสรีระสำหรับการดำรงชีพอยู่ในน้ำเค็มด้วย
จากชายฝั่งทะเลออกไป จะเป็นบริเวณไหล่ทวีป ทะเล และมหาสมุทร
ซึ่งเป็นแหล่งที่มี สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นับเป็นแหล่งอาหารใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิต
ประกอบด้วย แพลงก์ตอนพืช และแพลงก์ตอนสัตว์นานาชนิด หญ้าทะเล
สาหร่ายทะเลที่สัตว์น้ำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา พะยูน ปลาวาฬ โลมา
และอื่นๆ อาศัยเป็นอาหารในการเจริญเติบโต
ใต้ท้องทะเลจะมีบริเวณแนวปะการัง
หรืออาจเรียกว่า ป่าใต้ทะเล ที่เทียบได้กับป่าบนบก แนวปะการังเกิดจากสัตว์พวกปะการังซึ่งมีสารหินปูนห่อหุ้มลำตัว
สืบพันธุ์แบบแตกหน่อเชื่อมติดกันกับตัวเดิมทำหใเกิดเป็นกลุ่มก้อนของปะการัง
บริเวณดังกล่าวมีความสำคัญมาก เพราะเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหาร
ที่อยู่อาศัย แหล่งอนุบาลลูกอ่อนของสัตว์น้ำ
ปัจจุบันปะการังถูกทำลายลงเป็นอันมากและรวดเร็วจนใกล้ภาวะวิกฤติ
นักวิชาการที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคิดหาแนวทางป้องกันแก้ไข เช่น
จัดทำแนวปะการังเทียม ศึกษาวิธีเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนปะการังในระยะยาว
แต่ต้องใช้เวลานานมากจึงจะเกิดเป็นแนวปะการังธรรมชาติ บางแห่งแก้ปัญหาโดยวางทุ่นรอบๆ
แนวปะการัง เพื่อป้องกันคนเข้าไปรบกวนหรือทำลาย
|